Tode07

ทันโลก ทุกข่าว เหตุการณ์ที่น่าสนใจ ติดตามได้ที่นี่

มท.1 แจงเหตุร่วมหุ้นมิได้-เพราะเหตุไรราคาค่ารถไฟใต้ดินฟ้าสายสีเขียว จำเป็นต้อง 104 บาท


มท.1 แจงเหตุร่วมหุ้นมิได้-เพราะอะไรราคาค่ารถไฟฟ้าสายสีเขียว จำต้อง 104 บาท
เมื่อเวลา 21.10 น. วันที่ 17 เดือนกุมภาพันธ์ ที่สภานิติบัญญัติ พล.อำเภออนุดงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลุกขึ้นยืนแจกแจงว่าความชมรมระหว่างรัฐบาลกับกรุงเทพมหานคร ตามรัฐธรรมนูญระบุว่าหน่วยงานดูแลส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีอำนาจหน้าที่สำหรับในการทำบริการสาธารณะให้เป็นไปตามข้อบังคับข้อกำหนดซึ่งจะต้องสอดคล้องกับรายได้อทเปรียญ รวมทั้งอปท.มีอิสระสำหรับการบริการทำการบริการสาธารณะ การคลัง รวมทั้งการเงิน ซึ่งอปท.จะต้องทำเท่าที่มีความจำเป็น ด้วยเหตุดังกล่าว กรุงเทพมหานครก็เลยอยู่ในสถานะเดียวกันกับอปท. ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยดูแลกรุงเทพมหานคร ด้วยการให้แนวทางได้ แม้กระนั้นไม่มีผู้ใดบังคับกรุงเทพมหานครได้ กรุงเทพมหานครจะต้องไตร่ตรองตามภาวะการคลังการเงินของเขาซึ่งสามารถทำเป็น
พล.อำเภออนุดงษ์ กล่าวอีกว่า ในกรณีที่รัฐบาลอุตสาหะจัดการกับปัญหาเรื่องหนี้ที่เกิดขึ้นอยู่กับรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้ โดยกรุงเทพมหานครเรียนรู้ขั้นตอนการไขปัญหาพื้นฐาน 3 วิถีทาง แนวทางแรกเป็นการยืมเงินซึ่งพวกเราทำไม่ได้ ด้วยเหตุว่ากรุงเทพมหานครไม่มีความสามารถจะทำเป็น เนื่องจากมีข้อบังคับกำหนดไว้ สองการออกตราสารหนี้สินก็ทำไม่ได้ เนื่องจากว่ายังขาดทุนอยู่แล้วจะเอาเงินไหนไปเงินปันผลให้เขา แนวทางถัดมาเป็นการร่วมลงทุนที่ท่านกล่าวถึงข้อบังคับเขียนไว้ว่า เอกชนทำเป็นดีมากกว่า รัฐบาลก็จำเป็นต้องให้เอกชนทำ แต่ว่าพลเมือง และก็ประเทศจำต้องได้ประโยชน์สูงสุด และก็เอกชนก็จำต้องเห็นผลทดแทนที่เป็นกลางอย่างงี้ก็เลยจะเรียกว่าการร่วมหุ้น แม้กระนั้นพวกเราร่วมหุ้นมิได้
เพราะว่ากว่าจะรอคอยให้สัมปทานจบในปี 2572 จะร่วมหุ้นก่อนหมดสัญญาได้ 3 ปี พอๆกับว่าจะเริ่มพูดจาได้ในปี 2569 และก็ใช้เวลาสนทนาโดยประมาณ 2 ปี รวมเป็น 5 ปี สิ่งที่เป็นปัญหานั้นก็คือตอนที่ล่วงไปจะก่อให้พวกเรากำเนิดหนี้สินมากขึ้นอีก แล้วก็รัฐบาลกับกรุงเทพมหานครก็ขาดเงิน ก็เลยต้องหาทางสนทนาเพื่อประเทศได้ประโยชน์สูงสุด พสกนิกรได้รับค่าใช้จ่ายสำหรับโดยสารที่สมควร แล้วก็เอกชนได้รับผลตอบแทนที่สมควรด้วย
คสช.ก็เลยสั่ง รวมทั้งให้กติกาคุณงามความดีเมื่อการสนทนาจบแล้วให้เสนอ คณะรัฐมนตรีไตร่ตรอง ตนมิได้ไปทำอะไรที่คดโกงไหน เมื่อคสช.สั่งมาตนก็เอาข้อเสนอแนะไปเสนอให้คณะรัฐมนตรี มิได้มีนอกมีใน ซึ่งคณะรัฐมนตรีเองได้มีการถามความคิดเห็นหน่วยงานต่างๆแล้วก็ตั้งผู้ตัดสินเล่าเรียนเรื่องดังที่กล่าวมาข้างต้น อย่างไรก็ดี ระบบประชาธิปไตยมีสาวใช้อำนาจบริหาร แล้วก็มีที่ประชุมเป็นข้างสำรวจ แม้กระนั้นที่ประชุมจะใช้อิทธิพลออกคำสั่งมิได้ เมื่อท่านมีคำแนะนำแล้วส่งไปยังคณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีจะปฏิบัติเช่นไรก็จำเป็นต้องสุดแท้แต่คณะรัฐมนตรี ซึ่งกรณีนี้คณะรัฐมนตรีได้เรียกกรุงเทพมหานครมาแจกแจงแล้ว ตนก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามคณะรัฐมนตรี
พล.อำเภออนุดงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีค่าใช้จ่ายในการใช้โดยสารสายสีเขียวราคา 65 บาท ระยะทาง 53 กิโลเมตร ในตอนที่สายสีน้ำเงินราคา 42 บาท ระยะทาง 26 กิโลเมตร ท่านจู่โจมว่าราคา 65 บาทแพง ก็จำต้องแพงอยู่แล้ว ท่านจะเดินทางไปจังหวัดระยองกับเดินทางไปพัทยาราคาจะเสมอกันได้เช่นไร เพราะเหตุว่าราคาจำเป็นจะต้องขึ้นกับระยะทาง แล้วก็จำต้องตรึกตรองจากการลงทุนด้วย ซึ่งสายสีเขียวเป็นสายเดียวที่รัฐบาลมิได้จ่ายเงินแม้กระทั้งบาทเดียว
ด้วยเหตุว่าเอกชนลงทุนเองทั้งผองตั้งแต่การผลิตราง วางระบบ และก็ซื้อรถยนต์มาวิ่ง หนี้ทั้งผองเอกชนเป็นคนรับโดยนำรายได้ที่ได้รับมาหักลบกลบหนี้กับกรุงเทพมหานคร รวมทั้งถ้าหากตอนช่วงเวลาที่เหลือเขาจะได้กำไรก็จำต้องให้เขา ส่วนสิ่งที่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการใช้โดยสาร 104 บาทนั้น กรุงเทพมหานครเล่าเรียนไว้ที่ 158 บาท แม้กระนั้นพสกนิกรจะได้รับผลพวง
โดยเหตุนี้ ก็เลยมีการตั้งราคาแบ่งเป็น 2 ตอน เป็นส่วนต่อขยาย 1 – 2 แล้วก็ส่วนหลัก โดยส่วนต่อขยาย 1 – 2 พวกเราตรึงราคาไม่ให้เกิน 45 บาท ระหว่างที่ส่วนหลักอยู่ที่ 44 บาท แม้กระนั้นถ้าเกิดท่านจะเดินทางสุดสาย ราคาส่วนต่อขยาย 1 – 2 จะน้อยลงเหลือ 30 บาท พอๆกับว่าท่านเดินทางจากต้นทางหมายถึงจากคูคตมาห้าแยกลาดพร้าว ราคา 30 บาท มาต่อที่ส่วนหลักหมายถึงทางหมอชิต – สะพานตากสิน อีก 44 บาท แล้วถัดไปจนกระทั่งสถานีบางหว้าหรือสถานีแบริ่ง อีก 30 บาท รวม 104 บาท เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการใช้โดยสารรถเมล์ปรับอากาศที่ต่อจนกระทั่งสุดสายในระยะทางเสมอกันจะอยู่ที่ 70 บาท อย่างไรก็แล้วแต่ รัฐบาลบากบั่นจัดการกับปัญหาโดยยึดหลักคุณประโยช์จากประเทศและก็ราษฎร ในกรณีที่นายศักดาประเทศไทย ติดถูกใจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทักท้วงประเด็นการต่อสัมปทานนับว่าเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของคณะรัฐมนตรี เพราะเหตุใดไม่ถูกคณะรัฐมนตรีก็จำเป็นต้องท้วง ทำให้เห็นว่ามีการนำหัวข้อต่างๆไปสู่การใคร่ครวญของคณะรัฐมนตรีจริง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Powered By WordPress | Messina Blog